แสงแดดนอกบ้านที่แผดเผาทำลายผิวหนังถึงชั้นในสุด

ปกป้องผิวหน้าจากแสงแดดที่แรงทะลุชั้นผิว ไม่ให้เกิดฝ้าหน้าหมองคล้ำ

แสงแดด

 แสงแดด UV มีคลื่นความถี่ของรังสีที่แตกต่างกัน แสงแดดมีประโยชน์และให้โทษเช่นแต่ก็มีช่วงเวลาที่จำกัด หากอยู่กลางแดดมากเกินไปก็อาจจะเป็นอันตรายได้เช่นกัน แสงแดดที่ส่องแสงยามเช้าในทุกๆวัน สักเกตมั้ยว่ามีทั้งประโยชน์และก่อให้เกิดปัญหากับผิวได้ แต่ว่าแสงแดดยามเช้าจะได้ประโยชน์กับมากที่สุดนะ ช่วงเวลาที่โดนแสงแดดแล้วได้ประโยชน์ก่อนเวลา 09.00น.  และช่วงเย็นหลัง 16.00 น. ให้ร่างกายได้โดนแสงแดด 10 – 20 นาที ซึ่งช่วงเวลานี้จะมี VitaminD ช่วยให้ในการดูดซึมแคลเซี่ยมได้ดี ประโยชน์ของแสงแดดก็ส่งผลดีต่อร่างกายได้ หากตื่นขึ้นมาโดนแดดยามเช้าแล้วจะช่วยให้ร่างกายตื่นตัว ได้รับสารเอนโดรฟินทำให้อารมณ์ดี สดชื่น แต่ว่าหากเป็นแดดช่วงเวลา 10.00 – 14.00 น.นี้ควรหลีกเลี่ยงนอกจากไม่ได้ประโยชน์จากแสงแดดในช่วงเวลานี้แล้ว ผิวยังเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังอีกด้วย 

 แสง UV มีอยู่ทุกที่ไม่ว่าจะมาจากแสงหลอดไฟหรือแม้กระทั่งนั่งอยู่หน้าจอคอม หรือทำงานในบริเวณที่มีแสงจากหลอดไฟค่อนข้างสว่างมากเป็นประจำทุกวัน มันสามารถกระตุ้นทำให้สร้างเมลานินเข้มขึ้น หากสะสมมากจนเกิดเป็นฝ้ากระ หรือ ทำให้ผิวเหี่ยวมีริ้วรอยก่อนวัย

ลักษณะผิวที่โดนทำลายจากแสงแดด:  มีอาการแสบแดง ผิวไหม้คล้ำขึ้นกว่าสีผิวเดิม เป็นฝ้า กระ จุดด่างดำทั้งจุดสีดำ และ สีน้ำตาล หน้าแก่ก่อนอายุ     

สาเหตุของปัญหาผิวที่เกิดขึ้นจากแสงแดด

  1. อาจเกิดจากการอยู่กลางแดดเป็นเวลานานแล้วเกิดอาการผิวไหม้ ที่ไม่มีเสื้อปกปิดในบริเวณนั้น สังเกตได้จากบริเวณที่ไหม้ ผิวแดง บางรายอาจมีผิวพุพองแสบร้อนได้
  2. เกิดขึ้นจากฮอร์โมน การผลิตเม็ดสีเมลานิน  เป็นปัญหาของผู้หญิงที่ฮอร์โมนไปกระตุ้นในการผลิตเม็ดสีผิวที่มาก เมื่ออยู่กลางแสงแดดที่แรง 
  3. อาจเกิดจากการรับประทานยาบางชนิดที่ส่งผลไวต่อแสง เช่นยาคุมกำเนิด ยาฆ่าเชื้อ ยิ่งกระตุ้นให้ผิวคล้ำเสีย ซึ่ง   เป็นผลจากการรับประทานยาบางชนิดที่ไวต่อแสง
  4. ช่วงที่ทำเลเซอร์ หรือทำทรีทเม้นท์ผิวหน้าจะบางลง เพราะเป็นการกระตุ้นผลัดเซลล์ผิวแบบเร่งด่วน ทำให้ผิวไวต่อแสง ยิ่งต้องทาครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิวหน้าไม่ให้โดดแดดมากจนเกินไปอาจทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้ง่าย
  5. เลือกใช้ไม่เหมาะกับสถานที่และกิจกรรม แม้จะอยู่ในที่ร่ม แสงUV ก็ทำร้ายให้ผิวเหี่ยวย่นได้ ใช่มีแค่แสงแดด ไฟที่เราเปิดใช้ทุกวันนี้ก็มีแสง UV แม้จะน้อยกว่าแสงแดดแต่ทำให้ผิวเราคล้ำได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นควรเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับตัวเราเอง หากมีกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานานควรใช้ค่าSPF ที่ป้องกันไม่ทำให้ผิวไหม้ หากอยู่ในที่ร่มควรจะใช้เช่นกันแต่ใช้SPF ไม่ต้องสูงมาก แค่ให้ปกป้องแสงจากหลอดไฟ และ แสงคอมพิวเตอร์ ไม่ให้หน้าหมองคล้ำ

วิธีดูแลเมื่อผิวคล้ำเสียและฟื้นฟูให้กลับมากระจ่างใสไร้จุดด่างดำ

  1. หลีกเลี่ยงแดดจัด หากไม่เลี่ยงการออกแดดการฟื้นฟูผิวเสียให้กลับมาสวยจะยืดเวลาให้นานขึ้นไปอีก ปกป้องผิวจากมลภาวะและรังสี UV ด้วยครีมกันแดดที่มีค่าSPF 30 ขึ้นไป ต้องปกทั้ง UV-A และ UV-B และต้องดูที่ค่า PA+ ด้วย บวกมากการปกป้องแสงแดดได้
  2. ควรทาครีมกันแดดทุกวันทำให้ชิน เพราะยังช่วยป้องกันป้องกันแสงแดด แสงคอมพิวเตอร์ หรือแสงหลอดไฟ ไม่ทำให้ผิวคล้ำสะสมจนหน้าหมอง ยังช่วยชะลอความแก่ ลดปัญหาฝ้าแดด ไม่ให้มีริ้วรอยก่อนวัย
  3. งดครีมบำรุงทุกชนิด ให้ผิวได้พักฟื้นสัก 1-2 วัน ในช่วงระยะเวลาที่พักผิว ให้ใช้เป็นเจลว่านหางจระเข้ เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวที่มีบริเวณที่แสบร้อน ผิวไหม้ หลีกเลี่ยงแดดและการสคลับผิวหน้าประมาณ 2 อาทิตย์ เพราะเป็นช่วงที่ผิวยังบอบบาง และไวต่อการคล้ำเสีย
  4. สคลับผิวหน้าอาทิตย์ละครั้งพอ ให้เซลล์ผิวที่ตายหลุดออก เป็นการผลัดเซลล์ผิวรอการฟื้นฟู
  5. ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีวิตามิน อี จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว ไม่ให้แห้งขุยทำช่วยให้ผิวดูเรียบ  เพราะหากปล่อยให้ผิวแห้ง แสงแดด และ มลภาวะจะทำร้ายผิวได้ง่าย
  6. ควรทาครีมกันแดดก่อนออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งที่มีแดดจัดเป็นเวลานาน สัก 20 – 30 นาที  และทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง 

วิธีเลือกผลิตภัณฑ์ให้ปกป้องผิวไม่ให้คล้ำเสียและถูกแดดทำลายถึงชั้นผิว

  1. เลือกผลิตภัณฑ์กันแดดให้ดูที่ค่า SPF ให้เลือกซื้อครีมที่เหมาะกับกิจกรรมที่ทำ หากออกไปอยู่กลางแดดจัดเวลานานๆ ควรจะเลือกทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50+เพราะช่วยป้องกันผิวไหม้ ไม่ให้ผิวแสบร้อน
  2. เวลาที่ออกไปทำงาน บางคนจะเจอแดดแต่ตอนกลางวัน อาจจะเลือกใช้ค่าที่ลดลงมาแค่  SPF 30 พอเพราะเราไม่ได้ออกไปแดดทั้งวัน หากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์แต่ยังไงก็ต้องทาครีมกันแดดไว้ เพราะอยู่ในร่มก็ยังมี UV โดดแสงน้อยกว่ากลางแจ้ง  แต่แสง UV ที่สะท้อนมานั้นก็สามารถทำร้ายผิวเช่นกัน
  3. นอกจากดู SPFแล้ว ต้องดู PA ด้วย มีบวกเพิ่มต่างกันอย่างไร

                  PA+        อย่างนี้เหมาะกับกิจกรรมทั่วไป ทีไม่ได้เจอแสงแดดมากนัก

                  PA++      อย่างนี้เหมาะกับกิจกรรมที่ต้องออกแดดหลายชั่วโมง

                  PA+++     อย่างนี้เหมาะกับกิจกรรมกลางแดดที่จัดและเป็นเวลานาน 

4.เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว และ กิจกรรมที่ทำในแต่ละวันหรือต้องอยู่กลางแดดนานๆ ใช้ครีมกันแดดที่มีWaterproof

5.เลือกครีมกันแดดต้องดูเฉดสีผิว ระดับความเข้นของผิวคนเราไม่เท่ากันแต่มีวิธีเช๊คได้เบื้องต้นว่าสีผิวแบบนี้ควรใช้ครีมกันแดด SPF เท่าไหร่

  ผิวขาว คนที่มีสีผิวไปในแถบโซนยุโรป คนสีผิวนี้จะผิวบางมากผิวไหม้ง่าย หลังจากออกแดดเป็นเวลานาน  ควรลือกใช้ SPF 40 – 60

  ผิวขาวอมชมพู สีผิวแบบคนเอเชีย ผิวจะบอบบาง ไหม้ง่าย ผิวคล้ำไว ควรเลือกใช้ SPF 30 -45สีผิวแบบคนเอเชีย บางคน ที่ขาวไม่ถึงอมชมพู สีผิวแบบนี้ จะมีเมลานินอยู่บ้าง เมื่อโดนแดดดสามารถทนต่อแสงแดดได้ดีกว่าสีผิวที่ขาวบอบบาง ควรเลือกใช้ SPF 30 แบบปานกลาง

  ผิวคล้ำ สีผิวแบบนี้อาจเกิดขึ้นกับบางคนไม่ว่าแถบยุโยปหรือเอเชีย มีเมลานินสูง มีสีผิวสีน้ำตาลไม่ได้เกิดจาก การไหม้ ไม่เกิดเป็นผิวสีแทนเมลานินสีผิวนั้น ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ปกป้องไม่ให้เป็นมะเร็งผิวหนัง คนที่มีผิวคล้ำใช้แค่ SPF 15 เพราะSPF ไม่ใช่ป้องกันแดดดีกว่า แต่มันดูที่ว่าป้องกันแดดได้นานแค่ไหน

การดูแลผิวหน้าที่คล้ำเสียจากแดด ที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำให้กลับมากระจ่างใสอีกครั้ง หากไม่สม่ำเสมอในการดูแลผิวคล้ำเสียจากแดดแล้ว ยิ่งไม่ปกป้องผิวจากแสงแดดอาจจะเกิดมะเร็งผิวหนังได้ เพราะฉะนั้นควรทาครีมกันแดดให้เป็นนิสัยประจำสม่ำเสมอเมื่อเราออกไปทำกิจกรรมกลางแดดบ่อยๆควรพกร่ม แว่นกันแดด ครีมกันแดดไปด้วย และสิ่งที่ช่วยฟื้นฟูหลังจากผิวไหม้นั้น ให้ทาเจลว่านหางจระเข้จะช่วยรักษาผิวลดอาการแสบร้อนของผิวหนังได้ดี ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้าอีกด้วย และยังมีตัวช่วยที่ทำได้ง่าย เช่น ดื่มน้ำเยอะๆจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว ระหว่างการพักฟื้นผิวหน้า และอีกหนึ่งวิธีที่พกพาและใช้ได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ เพียงแค่ใช้สเปรย์น้ำค้างแทนครีมบำรุงที่มีอยู่ในระหวางการพักฟื้นผิวหน้าที่ไหม้ แสบร้อน สเปรย์น้ำค้างจะช่วยให้ผิวหน้าลดอาการผิวแสบร้อน หมองคล้ำได้ ปกป้องความร้อนจากแสงแดด เติมน้ำให้ผิว ช่วยป้องกันผิวขาดน้ำระหว่างที่อยู่กลางแดดเป็นเวลานาน ใช้ระหว่างออกไปทำกิจกรรมกลางแดดหรือฉีดก่อนออกแดดไม่ทำให้ผิวคล้ำเสีย และรักษาระดับความชุ่มชื้นผิวหน้า

Natural Beauty Booster DEWellness Elixir