
การมีผิวที่สุขภาพดี ผิวแข็งแรง คือ ผิวที่มี Skin Barrier หรือ เกราะป้องกันผิว ที่แข็งแรง
เกราะป้องกันผิว จะอยู่ในส่วนของผิวชั้นนอกสุด (Stratum corneum) หรือผิวชั้นหนังกำพร้า ซึ่งประกอบไปด้วยเซลล์ที่เรียงตัวกันเป็นชั้นๆ แบบก้อนอิฐสลับกัน หรือที่เรียกันว่า bricks and mortar และในแต่ละชั้นจะมีไขมันทำหน้าที่ในการเชื่อมเซลล์ต่างๆเข้าด้วยกัน โดยจะมีไขมันที่อยู่ชั้นบนสุดของผิวนั่นก็คือ Skin barrier ที่เป็นเหมือนชั้นผิวที่แข็งแรง เพื่อให้ความชุ่มชื้นในผิวไม่ให้หายไป ซึ่งเกราะป้องกันผิวจะคอยปกป้องผิวชั้นนอกจนไปถึงเซลล์ผิวชั้นใน ทำให้แบคทีเรีย มลภาวะ อนุมูลอิสระ จนไปถึงแสงแดด ทำให้เกิดปัญหาผิวแห้ง แดง ผื่นคัน ดังนั้นสำหรับผิวแล้วเพราะป้องกันผิวจึงถือว่ามีความสำคัญมาก เปรียบดั่งนักรบบนชั้นผิวหนังที่ต่อสู้กับศัตรูที่เป็นสาเหตุของปัญหาผิวต่างๆนั่นเอง
ในผิวหนังของคนเรา ผิวชั้นหนังแท้ หรือ DERMIS มีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 95% ผิวที่แข็งแรงจะมีเกราะป้องกันที่ดี เกราะนี้จะช่วยให้ผิวยึดเกาะกันอย่างแน่นหนา ไม่มีสิ่งที่สามารเข้ามาทำร้ายผิวได้ ผิวก็จะมีความชุ่มชื้น เปล่งปลั่งสัมผัสเนียนนุ่ม ผิวเรียบเนียน กระชับ ไม่หย่อนคล้อย นุ่มเด้ง เต่งตึง อย่างเป็นธรรมชาติ

แต่หากผิวไม่แข็งแรงพอ อาจจะมีปัญหาผิวเหล่านี้ตามมา
- ผิวแพ้ง่าย
- ผิวมัน
- ผิวแห้งแตก เป็นขุย (มักจะมีอาการคัน หรือมีอาการระคายเคืองได้ง่าย เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และสภาพแวดล้อม)
- ความหมองคล้ำ ไวต่อแสง
- ริ้วรอย เป็นต้น
- ปัญหาสิว
- ผิวบอบบางและอักเสบง่าย
- ผิวติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสหรือเชื้อรา
- ฯลฯ
สาเหตุที่ผิวถูกทำร้าย ทำให้ผิวอ่อนแอลง
ปัญหาผิวต่างๆ สามารถเกิดได้ในทุกๆวันในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น แสงแดด แสงจากหน้าจอต่างๆ สภาพอากาศที่แปรปวน มลภาวะในอาการ ความเครียดต่าง การกินการดื่ม คาเฟอีน หรือการสูบบุหรี่ อาจจะพร้อมกับการที่ไม่ดูแลผิวมากเพียงพอ หรือมีปัจจัยอื่นๆทางร่างกายอีกมากมาย (โรคทางพันธุกรรม หรือ โรคติดต่อต่างๆ)
จะทำอย่างไรให้ผิวแข็งแรงขึ้น
ไม่มีคำว่าสายไป สำหรับการเริ่มต้นใหม่
หากเราอยากเริ่มที่จะปรณนิบัติผิว ให้ผิวสวย ผิวสุขภาพดี ผิวแข็งแรง
ก่อนอื่น
เราควรเลือกผลิตภัณท์ให้เหมาะกับผิวของเราก่อน ให้เราเช็คดูก่อนว่า ผิวของเรานั้นเป็นแบบไหน เมื่อเรารู้แล้วว่าผิวเราเป็นผิวแบบไหน ต้องดูแลอย่างไร เราก็สามารถหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้
ปัจจัยสำคัญอีกอย่างคือ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวันของเรา มีผลอย่างมากในการสร้างผิวที่แข็งแรงขึ้น หากเราใส่ใจและดูแลให้ดีในทุกขั้นตอน อย่างไรผิวเราแข็งแรงขึ้นแน่นอน โดยในปัจจุบัน มีขั้นตอนการบำรุงผิวมากมาย ตั้งแต่ก่อนทำความสะอาดผิว หลังทำความสะอาดผิว และบำรุงผิวต่างๆ
หากฟังดูอาจดูเหมือนมีหลายขั้นตอน ทั้งที่เราสามารถรวบรัดได้ หรือจะทำตามขั้นตอนก็ไม่ว่ากัน

การทำความสะอาดผิว
เพื่อการลบล้างมลภาวะ ฝุ่นละออง ฝุ่นแป้ง เครื่องสำอางต่างๆ ให้หมดจด เราควรเลือกใช้ผลิตที่ทำความสะอาดผิวที่สามารถทำความสะอาดได้อย่างล่ำลึก หมดจด และควรเป็นผลิตภัณท์ที่สกัดจากธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง เป็นมิตรต่อผิวทุกประเภท แม้ผิวที่อ่อนแอมากมาก
ก่อนล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าสะอาด เราควรเช็คหน้าด้วย คลีนซิ่งก่อน เนื่องจากเครื่องสำอางบางตัวเป็นสูตรกันน้ำ จึงทำให้การล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้า หรือเจลล้างหน้าต่างๆ อาจะไม่เพียงพอ เพื่อให้การทำความสะอาดลึกล่ำกว่าเดิม ควรเช็คหน้าด้วยคลีนซิ่งก่อน
ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด เราสามารถเลือกผลิตภัณท์ล้างหน้า โดยดูจากสภาพผิวของเรา หากใครเน้นเรื่องสิว ผิวอ่อนแอ ต้องใช้แบบอ่อนโยน ใช้งานได้กับผิวที่บอบบาง หากใครเน้นเรื่องผิวกระจ่างใส ก็สามารถหาสูตรที่ช่วยบำรุงให้ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้นได้ แนะนำอย่าใช้น้ำอุ่นจัดล้างหน้าเป็นอันขาดเพราะจะทำให้ผิวแห้ง ผิวบางได้ และไม่ควรล้างหน้าบ่อยเกินไปเพราะจะทำให้หน้ามันกว่าเดิม
หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดแล้ว
ก่อนการบำรุงผิว แนะนำให้ใช้โทนเนอร์หลังล้างหน้า เนื่องจากโทนเนอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปรับสมดุลและกักเก็บความชุ่มชื่นให้หน้าไม่แห้งตึง และช่วยทำความสะอาดในอีกขั้นตอน ขั้นตอนสุดท้ายที่ต้องเตรียมบำรุงผิวต่อไป
หลังจากใช้โทนเนอร์เสร็จ ก็มาถึงขั้นตอนในการบำรุงด้วยเซรั่ม เริ่มจากเซรั่มบำรุงผิวรอบดวงตาก่อน เนื่องจากเป็นบริเวณที่บอบบางสามารถเกิดริ้วรอยได้ง่าย ฉะนั้นเซรั่มบำรุงรอบดวงตาจะต้องอ่อนโยน บำรุงได้ลึกล้ำ ส่วนบริเวณใบหน้าสามารถใช้เซรั่มเข้มข้นบำรุงผิว ให้ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าอย่างเต็มระบบ และลึกไปยังผิวชั้นใน
มอยเจอร์ไรเซอร์
หลังจากใช้เซรั่มแล้วแนะนำให้ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ เพื่อบำรุงความชุ่มชื้นเพราะความชุ่มชื้นเป็นสิ่งที่ทำให้ผิวเสียสมดุลได้ง่ายที่สุด
ถ้าหากผิวขาดความชุ่มชื่นก็จะทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายและปัญหาอื่นๆตามมาอีกมากมาย
ครีมกันแดด
และที่สำคัญที่สุดที่ขาดไม่ได้เลยคือ ครีมกันแดด เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้เนื่องจากเป็นสิ่งที่สามารถปกป้องผิวของเราจากมลภาวะแสงแดดต่างๆ โดยวิธีทาครีมกันแดดทั่วไปที่คนส่วนมากแนะนำ ควรทาประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ ใช้ทาทั่วใบหน้าและลำคอ